"ดีป้า" ร่วมพลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยหลังโควิด-19 ส่งเสริมเอกชนพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลตอบโจทย์นักท่องเที่ยว

31 ตุลาคม 2565, กรุงเทพมหานคร - ดีป้า เดินหน้าส่งเสริมภาคเอกชนพัฒนา Safe T Travel แพลตฟอร์มท่องเที่ยวไทยที่มีการผสมผสานเทคโนโลยีเอไอและบิ๊กดาต้ามาใช้วิเคราะห์ความชอบและความต้องการของนักท่องเที่ยว ก่อนนำเสนอข้อมูลด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจรในรูปแบบดิจิทัลคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวเฉพาะบุคคลหรือกลุ่มคน โดยสามารถจองและชำระค่าบริการผ่านแอปพลิเคชัน QueQ พร้อมกันนี้ยังเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทย เสริมความแข็งแกร่งให้ภาคธุรกิจ และร่วมพลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยหลังโควิด-19

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ต้องหยุดชะงัก ประชาชนทั่วโลก รวมถึงคนไทยเองต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตโดยหันมาให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน การดำเนินธุรกิจ หรือแม้แต่การจับจ่ายใช้สอย รวมไปถึงการท่องเที่ยว และแม้ว่าสถานการณ์ต่าง ๆ กำลังดำเนินไปสู่ภาวะปกติใหม่ ภาคธุรกิจเริ่มให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ แต่ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคกลับต้องประสบกับปัญหาด้านข้อมูลที่มีปริมาณมากและหลากหลาย ดังนั้น ดีป้า ในนามหน่วยงานภาครัฐจึงต้องเร่งพัฒนาบริการแก่ภาคประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยการรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้อง นำเสนอผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อช่วยในการตัดสินใจที่แม่นยำ ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ควบคู่ไปกับการยกระดับผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทย

ด้วยเหตุนี้ ดีป้า จึงให้การส่งเสริม บริษัท เซฟที ทราเวล จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลสัญชาติไทยดำเนินโครงการ Digital Food Tourism เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลในระดับปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในชื่อ "Safe T Travel" (Multi Food Tourism Platform) ให้บริการข้อมูลแก่นักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ที่พัก (Accommodation) บริการยานพาหนะขนส่ง (Transportation) ร้านอาหาร (Restaurants) มัคคุเทศก์ท้องถิ่น (Local Guide) กิจกรรมสันทนาการ (Activities) ร้านสินค้าที่ระลึก และสถานที่ปลอดภัย (Self-care) โดยนักท่องเที่ยวสามารถจองบริการต่าง ๆ ล่วงหน้า และชำระค่าบริการผ่านแอปพลิเคชัน QueQ อีกหนึ่งพันธมิตรที่ร่วมโครงการฯ นอกเหนือไปจากร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงอุทยานต่าง ๆ นอกจากนี้จะมีการแจ้งเตือนให้นักท่องเที่ยวได้ทราบเมื่อใกล้ถึงคิว ซึ่งจะช่วยลดความหนาแน่นในพื้นที่ รองรับผู้ใช้งานได้ไม่จำกัด อีกทั้งเป็นการส่งเสริมธุรกิจร้านอาหารและการท่องเที่ยวไทย

ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวว่า Safe T Travel ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นช่องทางแนะนำประสบการณ์การรับประทานอาหาร สันทนาการ และการท่องเที่ยวแบบครบวงจร โดยมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่นักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าวสามารถตอบสนองความต้องการที่แตกต่างด้วยการนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้วิเคราะห์ความชอบและความต้องการเฉพาะบุคคลหรือกลุ่มคน ก่อนประมวลผล และนำเสนอข้อมูลจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (บิ๊กดาต้า) ด้านการเดินทางท่องเที่ยว จองที่พัก/ร้านอาหาร ฯลฯ แบบ One Stop Service ที่ตรงตามความต้องการของนักท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจที่ง่ายขึ้น ขณะเดียวกัน Safe T Travel จะเป็นทางเลือกให้กับผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวของไทยในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย ทั้งวิสาหกิจขนาดกลาง ขยาดย่อม และรายย่อยนำเสนอข้อมูลของตนเองในรูปแบบดิจิทัลคอนเทนต์ เพื่อประชาสัมพันธ์ถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งนักท่องเที่ยวแบบอิสระและกรุ๊ปทัวร์

นอกจากนี้ ดีป้า จะร่วมส่งเสริมองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการที่ขาดความรู้ ความเข้าใจ และทักษะด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับธุรกิจของตนเอง เพื่ออำนวยความสะดวกในการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้แก่นักท่องเที่ยวในวงกว้าง

"แพลตฟอร์มท่องเที่ยวไทยที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยคนไทยจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวในการรับบริการอย่างปลอดภัยและได้มาตรฐาน ก่อให้เกิดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ๆ และสร้างโอกาสการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวสู่พื้นที่เมืองรอง ซึ่งถือเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชนต่าง ๆ ของไทย พร้อมกันนี้ ดีป้า ประเมินว่าจะมีผู้ประกอบการเข้าสู่แพลตฟอร์ม Safe T Travel มากกว่า 10,000 ราย ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับเหล่าผู้ประกอบการ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างชาติ ช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ก่อนนำพาประเทศก้าวไปสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในระยะถัดไป" ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

ขอบพระคุณข่าวและภาพจาก
Depa.or.th